ฟังครูไหว (แต่ใจไม่ร้าย) พูดบ้าง


                 กริ้งๆ เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานของผมที่จุฬา ดังขึ้นเมื่อราวเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน ปี 2531 ผมจำไม่ได้แน่นอน จำได้แต่เพียงว่าหลังจากกลับมาจากการท่องเที่ยวยุโรปตะวันออก (สหภาพโซเวียต เชโกสโลวะเกีย ฮังการี และออสแตรีย) เป็นครั้งแรกแล้วหมาดๆ ยังอยู่ในระยะ “คลายเกลียว” จากกรณีน้ำโจนฯ ซึ่งผมต้องกระโจนลงไปละเลงกับเขาด้วยในฐานะกรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการ การพิจารณาด้านธรณีวิทยา แหล่งแร่ และแผ่นดินไหว (แค่เห็นชื่อก็เหนื่อยแล้ว) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2530 ถึง มีนาคม 2531 เป็นเวลา 6 เดือนเต็ม คั่งแต่งตั้งจากท่านนายกรัฐมนตรีเปรมฯออกมาก่อนผมเกษียณเพียงไม่กี่วัน ยังจำได้ถึงเหตุการณ์โศรกสลดในกรณีที่ คุณมาลี นักข่าวช่อง 7 สี เสียชีวิตจมน้ำที่แก่งน้ำวน ใกล้ที่ตั้งเขื่อนน้ำโจน พูดไปแล้วคุณมาลีเป็นนักข่าวที่ “หัวเห็ด” จริงๆ เนื่องจากคุณมาลีจบนิเทศศาสตร์จุฬาฯ สถาบันแห่งเดียวกับผม จึงกล้าไต่ถามข้อมูลต่างๆอย่างตั้งอกตั้งใจ คณะช่อง 7 สี มาล่ากว่าคณะอื่นๆ และถึงค่ายที่พักแรมเย็นมากแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์ตามไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์ผมยังบริเวณใกล้ๆ ที่ตั้งเขื่อนในขณะที่ผมกำลังรอเรือจะกลับค่าที่พักอยู่แล้ว ขากลับก็มาเรือลำเดียวกันและผ่านแก่งมรณะมาอย่างปลอดภัยจนถึงค่ายที่พักไม่นึกเลยว่าจะมาเสียชีวิตที่แก่งนี้ ค่ำวันนั้นมีงานเลี้ยง และมีแคมป์ไฟที่ค่าย คุณมาลียังมานั่งคุยกับคณะผมอยู่จนดึกจนดื่นเพื่อนำไปเขียนเรื่องราว ความจริงแล้วมีเหตุการณ์อันหนึ่ง ซึ่งอาจจะหันเหชะตาชีวิตไปได้ แต่เรื่องนี้มีคนทราบไม่กี่คน ในขณะที่เรานั่งคุยกันที่แคมป์ไฟนั้น คุณมารลีได้ทราบว่าคณะอนุกรรมการฯ ชุดเรากำลังจะไปดูแหล่งแร่ถ่านหินที่แอ่งแม่จัน (อยู่เหนือที่ตั้งเขื่อนไปมาก) ด้วย เฮลิคอปเตอร์ ในวันรุ่งขึ้น คุณมาลีอยากจะติดตามไปดูคณะเราทำงานกัน ในเรื่องนี้ถ้าเราไปได้ด้วยรถยนต์หรือเรือ (ซึ่งทำไม่ได้ทั้ง 2 กรณี) ผมคงให้คุณมาบีตามไปดูด้วยแล้วแต่เผอิญที่นั่งบนเฮลิคอปเตอร์มีพอกับจำนวนคนในคณะอนุกรรมการฯพอดิบพอดีไม่มีเหลือเลย คุณมาลีจึงไม่สามารถไปกับเราได้ นี้แหละชะตาชีวิตคุณมาลีจึงกลับไปที่เขื่อนอีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น และเสียชีวิตในสายน้ำ ส่วนกล้องทีวีที่พนักงานอีกคนหนึ่งถืออยู่ก็หลุดจมสูญหายไปเช่นกัน อนึ่งภาพที่ปรากฏบนจอทีวี นั้นมาจากกล้องของทีวี ช่อง 3 ซึ่งร่วมทางไปด้วย แต่ไม่ประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใด


"ลุงท่ามกลางหลานๆ บนยอดเขาที่หมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฏร์ธานี มองเห็นทิวทัศน์ของหมู่เกาะวังหลังอยู่เบื้องล่าง"

                 กริ๊งๆ อีกแล้วสายไม่มีคนรับหรือยังไงรอตั้งนานแล้ว นี่ก็อีกเป็นกริ๊งที่หักเหชะตาชีวิตขอผมเหมือนกัน ท่านผู้อ่านลองทายดูซิว่าใครโทรมา จะมีใครเสียอีกนอกจากพ่อด๊อกเตอร์ “กู๊ด มอร์นิ่งก์” โอมคนดี (ของคุณอ๋อย) นั้นเองหลังจากนั้นแนะนำชื่อแซ่เรียบร้อยแล้วก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงเริ่มบรรเลงเพลง “กล่อมนิทรา” ทาบทามให้ผมมาร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่ปรึกษาการสำรวจแหล่งแร่ที่บริษัทผาแดงฯกำลังจะตั้งขึ้น ผมอดรำพึงในใจไม่ได้ว่า “กูจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน” อีกแล้วไหมล่ะ เพียงหลุดจาก “น้ำโจน” มาได้ยังไม่ทันหาย “มึน” ดีเลย กิติศัพท์เรื่องแหล่งแร่ที่ผาแดงนั้นเขาปิดกันให้ “แซ๊ด” มานานแล้ว นึกไปถึงคำปณิธาน ที่ได้ตั้งไว้ก่อนเกษียณในหนังสือที่ระลึก 60 ปี ของผมเองว่าจะ “จำนำดาบ” (อาจจะไถ่ถอนคืนในภายหลัง) พักผ่อนนอนตีพุง หลังเกษียณก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ตั้งแต่ครั้ง “น้ำโจน” แล้วมาคราวนี้ก็คงจะเข้ารูปเดิมอีก คำสั่งแต่ตั้งเป็นกรรมการฯ อย่าเป็นทางการจากบริษัทฯลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 ถ้านับถึงวันนี้ก็ร่วม 2 ปี เข้าไปแล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่กันในบริษัทฯคณะกรรมการฯ ไม่ได้มีการประชุมกันจนกระทั้งถึงเดือนตุลาคม 2531 จึงเริ่มมีการประชุมเป็นครั้งแรก ได้มีโอกาสพบกับท่าน พีดี และได้ยินคำว่า MG. WGM. และ VM. เป็นครั้งแรกจากท่านทีแรกนึกว่าจะมีการแข่งขัน แรลลี่ รถยนต์ยี่ห้อต่างๆ MG. นี่ค่อยคุ้นหูหน่อย สมัยพลนิกรกิมหงวนยังหนุ่มๆอยู่ (รวมทั้งผมด้วย) ได้ยินบ่อยๆ สิ่งที่สะกิดใจผมมากในวันนั้นก็คือเรื่องความขัดแย้งในความเห็นในเรื่องเกี่ยวกับธรณีวิทยาแหล่งแร่ของผาแดงระหว่างรถยนต์ยี่ห้อต่างๆข้างต้น ความจริงแล้ว ความขัดแย้งกันในปัญหาทางธรณีวิทยานั้น เรานักธรณีถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกิน ถ้าไม่เถียงกันเลยนั้นแหละจึงถือว่าผิดปกติ ของซ่อนอยู่ใต้ดินมองไม่หนไม่เห็นจะเอาอะไรกันนักหนา ถ้าเรามีตาทิพย์คงไม่ต้องท่อมๆ ไปในป่าในดง นอนกลางดินกินกลางทรายกันหรอก หลุมเจาะหลุมหนึ่งทั้งๆ ราคาแพงแสนแพง เมตรละเป็นพันๆบาท ก็ได้ข้อมูลแน่นอน เพียงแค่เส้นผ่าศูนย์กลางของแท่งหินกว้างไม่กี่นิ้วเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือก็คืออาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน ซึ่งเราต้องใช้ความรู้คลี่คลายออกมาให้ได้ ความเห็นบางอย่าง ถ้าพลาดไปอาจเสียค่าใช้จ่ายเป็นล้านๆบาท โดยไม่มีอะไรตอบแทนเป็นชิ้นเป็นอันเลย บริษัทเอสโซ่ เสียเงินเป็นพันๆล้านบาท ในการสำรวจปิโตรเลียม ในทะเลอันดามันมาแล้ว โดยไม่มีอะไรเป็นผลตอบแทบมาเลย เรื่องเช่นนี้เกิดได้เสมอๆ ในการสำรวจแหล่งแร่ไม่มาชนิดใด ส่วนรายละเอียดนั้นจะได้กล่าวถึงในภายหลัง สิ่งที่สะกิดใจผมในการคุยกับท่าน พีดีในครั้งแรกนั้น ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งในความเห็น ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือเหตุไฉน VM. ซึ่งเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า “หมู่เฮา” กลับไปเข้าข้าง MG. แทนที่จะเข้ากลับ WGM. ซึ่งเป็น “หมู่เฮา” เจ้าความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะเรียกว่าเป็นนิสัยของผมเลยก็ได้ ทำให้ผมต้องหลวมตัว แปลงสัญชาติเป็นชาวผาแดงไปโดยปริยาย มาจนทุกวันนี้