มูลนิธิอาจารย์ไสว สุนทโรวาท และศิษย์

หมวดที่ 1

ชื่อ ตรา และสำนักงานที่ตั้ง

ข้อ 1.       มูลนิธินี้ชื่อว่า มูลนิธิอาจารย์ไสว สุมทโรวาท และศิษย์ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Associate Professor Swai Sundharovat and Disciples Foundation

ข้อ 2.       ตราของมูลนิธิเป็นรูปซากหอยแอมโมไนค์ไขว้กับฆ้อนธรณี ด้านบนเป็นรูปผลึกแร่แปดหน้าระบบ ปีรามิดคู่ฐานประกบ (Tetrahedral dipyramid) อยู่บน

ฐานสองชั้นโดยชั้นล่างสลักชื่อมูลนิธิ อาจารย์ไสว สุนทโรวาท และศิษย์รูป ลายเส้น และตัวอักษร ทั้งหมดอยู่ภายในวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซ็นติเมตร





ข้อ 3.       สำนักงานของมูลนิธิตั้งอยู่ที่ 78 ซอยสตรีวิทยา 2 แยก 23 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230


หมวดที่ 2

วัตสุประสงค์

ข้อ 4.       วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ

               ข้อ 4.1       เพื่อส่งเสริมการคึกษา ค้นคว้า และวิชัย

               ข้อ 4.2       เพื่อดำเนินการ หรือร่วมมือกับองค์การการกุศล เพื่อการกุศล และองค์การสาธารณประโยชน์เพื่อสาธารณประโยชน์

               ข้อ 4.3       ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด


หมวดที่ 3

ทุนทรัพย์ ทรัพย์สิน และการได้มาซึ่งทรัพย์สิน

ข้อ 5.       ทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือเงินสด จ้านวน 400,000.00 บาท (สี่แสนบาทถ้วน)

ข้อ 6.       มูลนิธิอาจได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยวิธีต่อไปนี้

               ข้อ 6.1       เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้ยกให้โดยพินัยกรรมหรือนิติกรรมอื่นๆ โดยมิได้มีเงื่อนไขผูกพันให้ มูลนิธิต้องรับผิดชอบในหนี้สินหรือภาระติดพันอื่นใด

               ข้อ 6.2       เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้

               ข้อ 6.3       ดอกผลซึ่งเกิดจากทรัพย์สินของมูลนิธิ

               ข้อ 6.4       เงินรายได้จากกิจกรรมที่มูลนิธิจัดขึ้นเป็นครั้งคราว


หมวดที่ 4

คณะกรรมการ คุณสมบัติของกรรมการ และการพ้นจากดาแหนุ่งของกรรมการ

ข้อ 7.       ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นหนึ่งคณะ โดยกรรมการของมูลนิธิต้องมีคุณสมบัติดังนี้

               ข้อ 7.1       มีอายุไมต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์

               ข้อ 7.2       ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ

               ข้อ 7.3       ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้เข้าคุก เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

ข้อ 8.       กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

               ข้อ 8.1       ถึงคราวออกตามวาระ

               ข้อ 8.2       ตายหรือลาออก

               ข้อ 8.3       ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับของมูลนิธิข้อหนึ่งข้อใด

               ข้อ 8.4       เป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสีย และคณะกรรมการมูลนิธิมีมตึให้ออก โดยมี คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของคณะกรรมการมูลนิธิ


หมวดที่ 5

การดำเนินงานของคณะกรรมการมูลนิธิ

ข้อ 9.       มูลนิธิดำเนินการโดยคณะกรรมการมูลนิธิ มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 9 คน ประกอบด้วยประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ เหรัญญิก เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ และตำแหน่ง อื่น ๆ ตามแต่คณะกรรมการมูลนิธิเห็นสมควร

ข้อ 10.       ในวาระเริ่มแรกให้คณะกรรมการผู้เริ่มการจัดตั้งมูลนิธิ เป็นผู้เลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน ของมูลนิธิ ขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานกรรมการมูลนิธิ และกรรมการอื่น ๆตามจำนวนที่เห็นสมควรวิธีเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิให้ปฏิบัติดังนี้ ให้คณะกรรมการมูลนิธิชุคที่ดำรงตำแหน่งอยู่เลือกตั้งประธานกรรมการมูลนิธิและกรรมการอื่น ๆ ตาม จำนวนที่เห็นสมควร

ข้อ 12.       คณะกรรมการมูลนิธิอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4ปี

ข้อ 13.       เพื่อให้การดำเนินงานชองมูลนิธิได้เป็นไปโดยติดต่อกัน เมื่อคณะกรรมการมูลนิธิได้ปฏิบัติหน้าที่ครช 2ปี หรือครึ่งหนึ่งของวาระการดำรงตำแหน่ง ให้มีการจับฉลากออกไปหนึ่งในสองของจำนวนกรรมการ มูลนิธิที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการมูลนิธิครั้งแรก และให้ถือว่าเป็นการออกตามวาระ

ข้อ 14.       การเลือกตั้งคณะกรรมการมูลนิธิ ให้ถือเสียงข้างมากของที่ประชุมคณะกรรมการ มูลนิธิเป็นมติชองที่ประชุม

ข้อ 15.       กรรมการมูลนิธิที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือโดยการจับฉลากในวาระแรก อาจได้รับเลือกเข้าเป็นกรรมการมูลนิธิได้อีก

ข้อ 16.       ถ้าตำแหน่งกรรมการมูลนิธิว่างลง ให้คณะกรรมการมูลนิธิที่เหลืออยู่ตั้งบุคคลอื่น เป็นกรรมการมูลนิธิแทนตำแหน่งที่ว่าง กรรมการมูลนิธิผู้ได้รับการตั้งซ่อม อยู่ในตำแหน่งเท่าวาระของผู้ที่ตนแทน


หมวดที่ 6

อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการมูลนิธิ

ข้อ 17.       คณะกรรมการมูลนิธิมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการของมูลนิธิให้เป็นไป ตามวัตลุประสงค์ของมูลนิธิและกายใต้ข้อบังคับนี้โดยมีอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

               ข้อ 17.1       กำหนดนโยบายของมูลนิธิและดำเนินการตามนโยบายนั้น

               ข้อ 17.2       อนุมัติการจ่ายเงิน ควบคุมการเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ ของมูลนิธิ

               ข้อ 17.3       เสนอรายงานกิจการ รายงานการเงิน และบัญชีงบดุล รายได้-รายจ่าย ต่อหน่วยงานราขการ ผู้กำกับดูแลกิจการมูลนิธิ

               ข้อ 17.4       ดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ และวัตลุประสงค์ของข้อบังคับนี้

               ข้อ 17.5       ตราระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของมูลนิธิ

               ข้อ 17.6       แต่งตั้งหรือถอดถอนคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะ เพื่อดำเนินการกิจกรรม เฉพาะอย่างของมูลนิธิ ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการมูลนิธิ

               ข้อ 17.7       เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ หรือบุคคลที่มีศักยภาพในการทำประโยชน์ให้มูลนิธิเป็นพิเศษเป็นที่ปรึกษา กิตติมศักดิของมูลนิธิ

               ข้อ 17.8       เชิญผู้ทรงเกียรติเป็นผู้อุปถัมภ์มูลนิธิ

               ข้อ 17.9       แต่งตั้งหรือถอดถอนเข้าหน้าที่ประจำของมูลนิธิ

ข้อ 18.       ประธานกรรมการมูลนิธิมีอำนาจหน้าที่ดังนี้

               ข้อ 18.1       เป็นประธานของการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ

               ข้อ 18.2       เรียกประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ

               ข้อ 18.3       เป็นผู้แทนของมูลนิธิในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และในการทำนิติกรรมใด ๆ ของมูลนิธิ หรือการลงลายชื่อในเอกสาร ตราสาร และสรรพหนังสืออันเป็นหลักฐานของมูลนิธิ และใน การอรรถคดีนั้นเมื่อประธานกรรมการมูลนิธิ หรือผู้ทำการแทน และกรรมการมูลนิธิอิก 1 คน รวมเป็น 2 คน ได้ลงลายมือชื่อแล้ว จึงเป็นอันใช้ได้

               ข้อ 18.4       ปฏิบัติการอื่น ๆ ตามข้อบังคับ และมติของคณะกรรมการมูลนิธิ

               ข้อ 18.5       ถ้าประธานกรรมการมูลนิธิไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมคราวหนึ่งคราวใดได้ให้รองประธาน กรรมการทำหน้าที่แทน แต่ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่อยู่ให้ที่ประชุม เลือกกรรมการมูลนิธิคนใดคนหนึ่งเป็นประธานถ้าหรับการประชุมคราวนั้น

ข้อ 19.       เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิมีหน้าที่ควบคุมกิจการ และดำเนินการประจำมูลนิธิ ติดต่อประสานงานทั่วไป รักษาระเบียบข้อบังคับของมูลนิธิ นัดประชุมกรรมการตามคำสั่งของประธานกรรมการมูลนิธิ และท้ารายงานการประชุม ตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิ

ข้อ 20.       เหรัญญิกมีหน้าที่ควบคุมการเงิน ทรัพย์สินของมูลนิธิ ตลอดจนบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง และเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการมูลนิธิกำหนด

ข้อ 21.       สำหรับกรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ให้มีหน้าที่ตามที่คณะกรรมการมูลนิธิกำหนด โดยทำเป็นคำสั่งระบุอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน

ข้อ 22.       คณะกรรมการมูลนิธิมีสิทธิเข้าร่วมประชุมกรรมการ หรืออนุกรรมการอื่น ๆ ของมูลนิธิได้


หมวดที่ 7

อนุกรรมการ

ข้อ 23.       คณะกรรมการมูลนิธิอาจแต่งตั้งหรือถอดถอนอนุกรรมการได้ตามความเหมาะสม โดยจะแต่งตั้งให้เป็นคณะอนุกรรมการประจำ หรือเพื่อการใดเป็นกรณีพิเศษเฉพาะคราวใดก็ได้ และในกรณีที่คณะกรรมการ มูลนิธิไม่ได้แต่งตั้งประธานอนุกรรมการ เลขานุการ หรืออนุกรรมการในตำแหน่งอื่นไว้ กี่ให้ อนุกรรมการแต่ละคณะแต่งตั้งกันเอง ดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้

ข้อ 24.       อนุกรรมการอยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะเสร็จงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำ ส่วนคณะอนุกรรมการประจำอยู่ในตำแหน่งตามเวลาที่คณะกรรมการมูลนิธิกำหนด ซึ่งถ้ามิได้กำหนดไว้กี่ให้อยู่ในตำแหน่งไต้เพียงเท่า วาระของคณะกรรมการ มูลนิธิซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง และอนุกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งอาจไต้รับการแต่งตั้ง อีกไต้

ข้อ 25.       อนุกรรมการมีหน้าที่ดำเนินการตามที่คณะกรรมการมูลนิธิมอบหมาย


หมวดที่ 8

การประชุมคณะกรรมการมูลนิธิและคณะอนุกรรมการ

ข้อ 26.       คณะกรรมการมูลนิธิจะต้องจัดให้มีการประชุมสามัญประจำปีทุก ๆ ปี ภายในเดือนมีนาคม และต้องมี กรรมการมูลนิธิเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

ข้อ 27.       การประชุมวิสามัญอาจมีได้เมื่อประธานกรรมการมูลนิธิ หรือเมื่อคณะกรรมการมูลนิธิตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แสดงความประสงค์ไปยังประธานกรรมการมูลนิธิ หรือผู้ทำการแทน ขอให้มีการประชุมก็ให้เรียก ประชุมวิสามัญได้

ข้อ 28.       ในการประขมคณะกรรมการมลนิธิหรือคณะอนุกรรมภาร หากมิได้มีข้อบังคับกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น มสิ ของที่ประชุมให้ถือเอาคะแนนเสียงข้างมาก ในกรณีที่มีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็น ผู้ชี้ขาด กิจการใดที่เป็นงานประจำหรือเป็นกิจการปลีกย่อย ประธานกรรมการมูลนิธิมีอำนาจสั่งให้ใช้วิธี สอบถามมติทางหนังสือแทนการเรียกประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ แต่ประธานกรรมการมูลนิธิต้อง รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิในคราวต่อไป ถึงมติและกิจการที่ไต้ดำเนินการไปตามมตินั้น กิจการใดเป็นงานประจำ หรือเป็นกิจการปลีกย่อยหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของประธานกรรมการมูลนิธิ

ข้อ 29.       ในการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิหรือคณะอนุกรรมการ ประธานกรรมการมูลนิธิหรือประธานที่ ประชุมมีอำนาจเชิญหรืออนุญาตให้บุคคลที่เห็นสมควรเข้าร่วมประชุมในฐานะแขกผู้มีเกียรติหรือ ผู้สังเกตุการณ์หรือเพื่อชี้แจง หรือเพื่อให้คำปรึกษาแก่ที่ประชุมได้


หมวดที่ 9

การเงิน

ข้อ 30.       ประธานกรรมการมูลนิธิ หรือรองประธานกรรมการมูลนิธิ กับเหรัญญิกหรือเลขานุการ มีอำนาจสั่งจ่าย เงินได้คราวละไม่เกิน 10,000บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการมูลนิธิโดยเสียงข้างมาก

ข้อ 31.       เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)

ข้อ 32.       เงินสดของมูลนิธิหรือเอกสารสิทธิ ต้องนำฝากไว้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่รัฐบาลให้การคํ้าประกัน แล้วแต่คณะกรรมการมูลนิธิจะเห็นสมควร

ข้อ 33.       การสั่งจ่ายเงินโดยเช็คหรือตั๋วสั่งจ่ายเงิน จะต้องมีลายมือชื่อของประธานกรรมการมูลนิธิหรือรอง ประธานกรรมการมูลนิธิกับเลขานุการ หรือเหรัญญิกลงนามทุกครั้ง จึงจะเบิกจ่ายไต้

ข้อ 34.       ในการใช้จ่ายเงินของมูลนิธิให้จ่ายเพียงคอกผลอันเกิดจากทรัพย์สินที่เป็นทุนของมูลนิธิเงินที่ผู้ บริจาคมิได้แสดงเจตมาให้เป็นเงินสมทบทุนโดยเฉพาะ และรายไต้อันเกิดจากการขัคกิจกรรมของมูลนิธิ

ข้อ 35.       ให้คณะกรรมการมูลนิธิกำหนดรอบระยะเวลาบัญชีและจัดทำรายงานสถานะการเงินของมูลนิธิ ในรอบ ระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาเสนอต่อที่ประชุมในคราวประชุมสามัญประจำปี

ข้อ 36.       ให้มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของมูลนิธิ ซึ่งคณะกรรมการมูลนิธิเห็นชอบและแต่งตั้งจากบุคคลที่มิใช่ กรรมการหรือเจ้าหน้าที่อื่นของมูลนิธิ โดยจะให้ดำรงตำแหน่งกิตติมศักดิ์ หรือได้รับค่าตอบแทนอย่างไร สุดแต่ที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิจะกำหนด

ข้อ 37.       ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิ และรับรองบัญชีงบดุลประจำปีที่คณะกรรมการ มูลนิธิจะต้องรายงานต่อหน่วยงานราชการ ผู้สอบบัญชีมีสิทธิตรวจสอบบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสอบถามกรรมการมูลนิธิและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิในเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินการบัญชี และ เอกสารลังกล่าวได้


หมวดที่ 10

การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ

ข้อ 38.       การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับจะกระทำไค้เฉพาะในที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ ซึ่งต้องมีกรรมการ มูลนิธิเข้าประชุมไม,น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด และมติให้แก้ไข หรือเพิ่มเติมข้อ บังคับต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการที่เข้าประชุม


หมวดที่ 11

การเลิกมูลนิธิ

ข้อ 39.       ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไปโดยมติของคณะกรรมการหรือโดยเหตุใดก็ตาม ทรัพย์สินทั้งหมดของมูลนิธิที่ เหลือให้ตกเป็นกรรมสิทธ์แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสมทบทุนกองทุนรองศาสตราจารย์ไสว สุนพโรวาท และศิษย์ ชองภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์

ข้อ 40.       การสิ้นสุดของมูลนิธินั้นนอกจากที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ให้มูลนิธิเป็นอันสิ้นสุดลงโดยมิต้องให้ศาลสั่ง เลิก ด้วยเหตุต่อไปนี้

               ข้อ 40.1       เมื่อมูลนิธิได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดทั้งเป็นนิติบุคคลแล้วไม่ไค้รับทรัพย์สินตามคำมั่น สัญญาเต็มจำนวน

               ข้อ 40.2       เมื่อกรรมการมูลนิธิจำนวนสองในสามมีมติให้ยกเลิก

               ข้อ 40.3       เมื่อมูลนิธิไม่อาจหากรรมการไต้ครบตามจำนวนกรรมการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ

               ข้อ 40.3       เมื่อมูลนิธิไม่สามารถดำเนินการต่อไปไต้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ


หมวดที่ 12

บทเบ็ดเตล็ด

ข้อ 41.       การตีความในข้อบังคับของมูลนิธิ หากเป็นที่สงสัยให้คณะกรรมการมูลนิธิโดยเสียงข้างมากของจำนวน กรรมการที่มีอยู่เป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 42.       ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมูลนิธิมาใข้บังคับในเมื่อข้อบังคับของ มูลนิธิมิได้กำหนดไว้

ข้อ 43.       มูลนิธิจะต้องไม่ทำการค้ากำไร และจะต้องไม่ดำเนินการนอกเหนือไปจากข้อบังคับที่กำหนดไว้

ข้อ 44.       ข้อบังคับฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554